โดย
จุดแข็งของบริษัทคือความยืดหยุ่นในการผลิตที่สามารถรองรับคำสั่งซื้อจำนวนน้อย มี In-house Process เช่น Induction Welding และการทำแม่พิมพ์ขนาดเล็ก ตลอดจนการนำเทคโนโลยี Digital Transformation มาใช้เพื่อลดความผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม บริษัทเผชิญความท้าทายจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่อยู่ในช่วงขาลง และการแข่งขันจากผู้ผลิตจีนที่มีต้นทุนต่ำ ทำให้มีความเสี่ยงในการสูญเสีย Market Share อีกทั้งยังมีปัญหา Material Yield Loss สูงและราคาวัตถุดิบที่ผันผวน ส่งผลให้กำไรไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ ปัจจุบันบริษัทได้เข้าสู่การบริหารของ Generation ที่ 2 มีแผน Diversification พัฒนาผลิตภัณฑ์และธุรกิจใหม่ ตั้งเป้าเพิ่มยอดขายสู่ 500 ล้านบาท/ปี ภายใน 5 ปี ควบคู่กับการพัฒนาบุคลากรให้เติบโตสอดคล้องกับทิศทางธุรกิจในอนาคต
